Mmed : โรคที่มากับฝุ่นอันตรายถึงชีวิต!! ความร้ายแรงของฝุ่นที่แฝงมากับสารพิษต่างๆ ที่ร่างกายต้องสูดดมและสัมผัสเข้าไป ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำของคน ผลกระทบก็เกิดกับสุขภาพร่างกายของคน ทำให้เกิดโรคที่มากับฝุ่นอันตรายถึงชีวิต!! มีโรคอะไรกันบ้างและมีวิธีการป้องกันยังไง เอ็มเมดสาระน่ารู้มีมาฝาก
งานวิจัยระบุว่า ฝุ่น PM 2.5 มีสารก่อให้เกิด มะเร็งปอดเป็นโรคที่คนไทยเสียชีวิตอันดับหนึ่ง ใน ผู้หญิง และเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับ ในผู้ชาย และใน 1 ปีคนไทยจะเสียชีวิตจากฝุ่น PM 2.5 ประมาณ 70,000 คนต่อปี สูงเป็น 4 เท่าของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุการจราจรทางบก จากการรายงานองค์การอนามัยโลก
และมีแนวโน้มสูงจากการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 200% ตั้งแต่ปี 2559-2562 เนื่องจากประเทศไทยนั้นยังไม่สามารถหาวิธีจัดการกับ ฝุ่น PM 2.5 ให้หายไปได้ รวมทั้งยังไม่มีมาตรการป้องกันหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบแบบจริงจังและมองเห็น ฝุ่น PM 2.5 คือวิกฤติของประเทศแล้ว
องค์การอนามัยโลก WHO (World Health Organization) พบว่ามีประชากรถึง 7 ล้านคนเสียชีวิต มากกว่า 90% ของประชากรทั่วโลก ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคหัวใจ และโรคสมอง สาเหตุล้วนมาจากปัญหามลพิษทางอากาศทั้งสิ้น
ฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ชั้นในสุดของปอดได้ โดยผ่านการกรองของขนจมูก เมื่อร่างกายสัมผัส สูดดมเข้าไปจะยังไม่มีอันตรายในทันที แต่จะต้องใช้เวลาสะสมเป็นเวลา 10 ปีถึงจะแสดงอาการ ความร้ายกาจของฝุ่น PM 2.5 คือทำหน้าที่เป็นตัวกลางพาสารเคมีต่างๆเข้าสู่ปอด ด้วยการให้สารเหล่านั้นมาเคลือบบนผิวของมัน เช่น สารก่อมะเร็ง สารโลหะหนัก
ฝุ่น PM 2.5 เป็นตัวกลางที่จะนำสารที่เป็นอันตรายมาสู่ร่างกายของเรา สะสมอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน เมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือไม่มีภูมิต้านทานโรคในช่วงขณะนั้น ก็จะกระตุ้นร่างกายให้เสี่ยงเป็นโรคที่มากับฝุ่น PM 2.5 ดังนี้
โรคภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)
ฝุ่น เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากการตอบสนองของร่างกายที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าปกติ ผู้ป่วยจะเกิดการระคายเคืองจมูก ส่งผลระบบทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ หายใจติดขัด ผื่นคัน ลมพิษคันตา ระคายเคืองตา โดยสารที่เข้าไปในร่างกายกระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบ
โรคหอบหืด (Asthma)
โรคทางเดินหายใจร้ายแรงจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ เกิดจากการอักเสบของหลอดลมเรื้อรัง ร่วมกับการที่หลอดลมมีความไวต่อสิ่งเร้าที่กระตุ้นต่างๆ ฝุ่นก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่กระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบ อาการหนักมากถึงขั้นหายใจไม่ออก ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนได้ และร่างกายไม่สามารถนำคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้ เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
โรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
เป็นโรคทางเดินหายใจที่เกิดจากการสูดดม ฝุ่นละออง ควันจากยานพาหนะ ควันจากการสูบบุหรี่ สารเคมีต่างๆ มลพิษทางอากาศเข้าไปในปอดเป็นจำนวนมาก ทำให้เยื่อบุหลอดลม บวม อักเสบ ส่งผลให้หลอดลมตีบแคบ อากาศไหลเข้าสู่ปอดไม่ดี หายใจลำบาก ส่งผลให้มีอาการไอ ไอแห้ง และไอมีเสมหะ ไอหนักรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อาจทำให้เจ็บบริเวณกล้ามเนื้อหน้าอก ชายโครง เส้นเลือดฝอยในปอดแตก ส่งผลให้ปอดมีการอักเสบร่วม เสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้
โรคปอดอักเสบ (Pneumonitis)
โรคที่มากับฝุ่น
รู้จักกันดี ปอดบวม นั่นเองเกิดจากการอักเสบของเนื้อปอด สัมพันธ์จากการติดเชื้อจากโรคทางเดินหายใจจากการสูดดม มลพิษทางอากาศเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หอบหืด ถุงลมโป่งพองจากการสูบบุหรี่ จากภาวะโรคหลอดลมอักเสบ โรคภูมิคุ้มกันต่ำ ภูมิแพ้ อาการของผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่พบ ไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย ปวดศีรษะ หนาวสั่นได้
โรคเกี่ยวกับสมอง (Encephalopathy)
มลพิษทางอากาสไม่เพียงแต่ก่อปัญหากับระบบทางเดินหายใจหรือที่ปอดแค่นั้น แต่ฝุ่นละอองขนาดเล็กยังซึมผ่านเข้าทางเส้นประสาทการรับกลิ่นที่อยู่ในโพรงจมูก และผ่านเข้าไปยังสมองโดยตรงเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบในสมอง เมื่อเซลล์สมองได้รับความเสียหาย สมองหลั่งสารอักเสบต่างๆ ส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วกว่าปกติ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคเส้นเลือดสมอง ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับผู้สูงอายุ
โรคหัวใจ (Cardiovascular Diseases)
เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ทั้งในและต่างประเทศ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Atherosclerosis) เกิดจากผู้ป่วยที่มีไขมันเกาะตามผนังด้านในหลอดเลือด หลอดเลือดตีบ เมื่อมีการสูดดมฝุ่นละออง หรือมลพิษทางอากาศเข้าไป ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ได้ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน และเมื่อมลพิษเข้าในกระแสเลือด ไปกระตุ้นให้หัวใจทำงานผิดจังหวะ ที่เรียกว่า โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและน้ำท่วมปอดได้