กระทรวงการค้าของเวียดนามออกแถลงการณ์ เนียกร้องทางการเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน และมีพรมแดนติดกับเวียดนาม ว่ามาตรการควบคุมพรมแดนของทางการกว่างซีจ้วง ภายใต้นโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์” ที่รวมถึงการปิดจุดผ่านแดน และการระงับนำเข้าผลไม้ “เป็นการดำเนินการที่มากเกินความจำเป็น”
ทั้งนี้ “ภาวะหยุดชะงัก” ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างร้ายแรง ต่อกระบวนการค้าระดับทวิภาคี ทำให้เกิดความสูญเสียใหญ่หลวงต่อภาคธุรกิจและประชาชนทั้งสองฝั่ง
ต่อมา ทางการกว่างซีจ้วงเผยแพร่แถลงการณ์ตอบรัฐบาลเวียดนาม ว่าจะเพิ่มช่วงเวลาการให้บริการด้านพิธีการศุลกากร ส่วนข้อเสนออื่นนั้น จะส่งเรื่องต่อให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่าพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ในการส่งออกผักและผลไม้สด ซึ่งมูลค่าการค้าสินค้าดังกล่าวระหว่างทั้งสองประเทศ ตลอด 11 เดือนของปี 2564 อยู่ที่ 11,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 375,103.50 ล้านบาท ) เพิ่มขึ้น 19.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า