สัญญาณเตือน ของผู้หญิง ในวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงหากมีอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ต้นๆบางคนอาจเริ่มมีอาการที่เรียกว่าฮอร์โมนไม่สมดุลเกิดขึ้นได้ เพราะฮอร์โมนเป็นตัวที่ช่วยให้ร่างกาย เซลล์และอวัยวะต่างๆทำงานได้อย่างปกติ หากถึงคราวที่ฮอร์โมนเริ่มไม่ปกติขึ้นมานั่นหมายถึงจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับร่างกายผู้หญิงอย่างที่เรียกว่า อาการก่อนหมดประจำเดือนนั่นเอง
สัญญาณเตือนอาการก่อนหมดประจำเดือนเป็นอย่างไร
1.หงุดหงิดง่าย เครียด ลืมง่าย มีภาวะซึมเศร้า อาการแบบนี้บางครั้งเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างที่กล่าวกันทั่วๆไปว่า เลือดจะไปลมจะมา บางวันเกิดอาการเครียดหรือโมโหจนเกินเหตุหรือควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ บางคนหากมีประวัติว่าเคยเป็นซึมเศร้ามาก่อนช่วงนี้โรคนี้อาจกลับมาอีกก็ได้
2.นอนหลับยาก เหนื่อยและอ่อนเพลียไม่มีแรง เป็นเพราะว่าฮอร์โมนโปรเจสเตอร์ที่ผลิตออกมาจากรังไข่อาจมีน้อยลงและไม่สมดุลจนทำให้ไม่สามารถนอนให้หลับได้ง่ายๆ รู้สึกไม่สบายตัว บางคนมีอาการร้อนวูบวาบ ตื่นเช้ามาก็จะไม่สดชื่นและอ่อนเพลียเพราะกลางคืนพักผ่อนได้น้อยด้วยนั่นเอง
3.คลื่นไส้และอาเจียน หรืออาจมีอาการท้องเสียและปวดท้องร่วมด้วยเป็นเพราะฮอร์โมนสูงหรือต่ำจนผิดปกติ จนทำให้มีอาการส่งไปถึงระบบขับถ่ายร่วมด้วย
4.ระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง อ้วนง่าย จะสังเกตได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในวัยช่วงนี้ จะมีน้ำหนักที่ขึ้นง่ายและลดลงยากมาก ถึงแม้จะรับประทานอาหารเท่าเดิมหากไม่ออกลังกายให้พอเหมาะแล้วจะควบคุมน้ำหนักได้ยากกว่าเคยเป็นมา ความอยากและหิวอาหารก็มีมากขึ้น
5.ประจำเดือนคลาดเคลื่อน มาแบบผิดปกติ บางครั้งขาดหายไปหรืออาจมีเดือนละ 2 ครั้งเวลาที่เคยมาก็จะไม่ตรงเวลาแน่นอน เป็นเพราะฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนและโปรเจสโตรโรนมีน้อยหรือมากเกินไปหากอาการนี้เกิดกับผู้ที่มีอายุไม่ถึง 40 ปี เรียกว่าอาการหมดประจำเดือนก่อนกำหนดนั่นเอง
6.ช่องคลอดแห้ง เป็นเพราะฮอร์โมนต่ำกว่าปกติ จะส่งผลให้ช่องคลอดแห้ง ขณะมีเพศสัมพันธ์เกิดความเจ็บปวด ติดเชื้อง่าย ความสนใจในเรื่องเพศลดลง จึงทำให้ผู้หญิงวัยนี้ความต้องการทางเพศลดลงตามไปด้วย บางคนส่งผลกระทบไปถึงความสัมพันธ์กับคู่สมรสเลยก็มี
7.กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยได้ บางรายพบปัญหานี้ เป็นเพราะเนื้อเยื่อและท่อปัสสาวะเริ่มเสื่อมสภาพ ความยืดหยุ่นลดลง จนทำให้เกิดการปัสสาวะเล็ดบ่อยๆได้
อาการก่อนวัยหมดประจำเดือนนี้ จะมีอาการมากน้อยในแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนหากดูแลในเรื่องการกินอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอแล้วอาการเหล่านี้อาจไม่เป็นเลยหากปฏิบัติตนแล้วยังมีอาการ จนส่งผลถึงชีวิตประจำวันแล้วก็ควรไปพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำรับวิตามิน ตรวจฮอร์โมนเพื่อรักษาให้ฮอร์โมนกลับมาสมดุลอีกครั้ง ร่างกายจะได้มีกำลัง แข็งแรงและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ