รถรับจ้างกรุงเทพ: วิธีการดูแลรถยนต์ช่วงหน้าร้อน ที่แม้แต่มือใหม่ยังเช็คเองได้! ช่วงหน้าร้อนนอกจากจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเราแล้ว อากาศร้อนจัดยังส่งผลต่อรถยนต์ด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดูแลรถยนต์อย่างเหมาะสมจึงเป็นข้อปฏิบัติ Must do! สำหรับคนรักรถทุกคน เพราะไม่อย่างนั้นรถยนต์คันโปรดอาจเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร แถมยังเสี่ยงเจอปัญหาจุกจิกกวนใจจากอากาศร้อนตัวร้ายอีกด้วย! เพราะฉะนั้นจึงได้รวมสุดยอดเคล็ดลับวิธีดูแลรถยนต์ ช่วงหน้าร้อนมาฝาก ซึ่งแต่ละวิธีขอบอกว่าใช้งานได้จริง และมือใหม่หัดดูแลรถหน้าร้อนก็ตรวจเช็คได้เองแบบไม่ต้องพึ่งช่างเลยค่ะ
ระยะสั้น ความร้อนและแสงแดดอาจไม่ส่งผลต่อรถยนต์ของเราโดยตรง แต่ในระยะยาว หากเราปล่อยให้รถต้องเจอกับอากาศร้อนจัดและแสงแดดที่เข้มข้นสูงช่วงหน้าร้อนเป็นประจำโดยไม่ดูแลแล้วล่ะก็ รถยนต์ของเราอาจเจอกับปัญหาเหล่านี้
1.เครื่องยนต์ทำงานหนัก
อุณหภูมิในช่วงหน้าร้อนส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบหม้อน้ำ ระบบหล่อเย็น และระบบระบายความร้อนโดยตรง การใช้รถยนต์ในช่วงนี้จึงทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นจนส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้นค่ะ
2. อุปกรณ์ภายในและภายนอกรถบางอย่างเสื่อมสภาพ
อุปกรณ์บางอย่างจะเสื่อมเร็วขึ้นเมื่อเจอแสงแดดเป็นเวลานาน เช่น ที่ปัดน้ำฝน และอุปกรณ์ที่ผลิตจากพลาสติก เป็นต้น
3. ฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพ
เมื่อฟิล์มรถยนต์เจอกับแสงแดดจัดเป็นเวลานานๆ ฟิล์มอาจหลุดล่อน แห้งกรอบ หรือเกิดฟองอากาศได้ทั้งที่ฟิล์มยังไม่หมดอายุ
4. ผิวยางรถยนต์ตึง
จนอาจเข้าสู่ระดับอันตราย ยางรถยนต์เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ต้องสัมผัสกับผิวถนนที่ร้อนจัดอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นในหน้าร้อนจึงทำให้ผิวยางตึงขึ้น เกิดแรงเสียดทานมากกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดยางรถยนต์ระเบิดได้
5. ระบบปรับอากาศทำงานหนัก
อากาศยิ่งร้อน ระบบเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ในรถก็ยิ่งทำงานหนัก โดยยิ่งทำงานหนักระบบภายในก็ยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
8 วิธีการดูแลรักษารถยนต์ในช่วงหน้าร้อน
สำหรับใครที่อยากทำการดูแลรถยนต์ช่วงหน้าร้อน ก็นำเคล็ดลับที่เราสามารถทำเองได้ง่ายๆ แถมยังได้ผลจริงมาฝาก ลองมาดูวิธีการดูแลรถยนต์ทั้ง 8 ข้อไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
เช็คหม้อน้ำเป็นขั้นตอนแรก
หม้อน้ำ คือสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราต้องเช็ค เพราะในหน้าร้อนอากาศจะร้อนจัดจนส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและต้องการการหล่อเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ
ควรตรวจเช็คระดับน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และหมั่นเติมน้ำสะอาดให้ได้ระดับอยู่เสมอ นอกจากนี้หากน้ำในหม้อเป็นน้ำที่ค้างมานานแล้ว ควรถ่ายทิ้งออกแล้วเติมใหม่ให้เต็ม หลังจากนั้นให้ถ่ายน้ำและเปลี่ยนใหม่ทุก 4-6 เดือน
อย่าละเลยเรื่องยางรถยนต์
การดูแลรถยนต์ช่วงหน้าร้อน เราควรเติมลมยางรถยนต์ให้มากขึ้นสัก 2-3 ปอนด์ เพื่อช่วยป้องกันการตึงผิวจนทำให้แก้มยางเปิด หากปล่อยให้ยางอ่อนอ่อนเกินไป ความร้อนอาจทำให้แก้มยางบิดตัวและร้อนกว่าปกติในระหว่างขับขี่ จนกระทั่งแรงดันภายในของยางรถสูงขึ้นจนยางระเบิดได้
นอกจากนี้ หากสังเกตเห็นว่าล้อยางเกิดอาการบวมก็ต้องทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทันที ไม่ควรฝืนนำรถที่ยางผิดปกติออกมาใช้งานเพราะอาจเกิดอันตรายได้
เพ่งเล็งพิเศษส่วนประกอบที่เป็นยางและพลาสติก
รถยนต์มีส่วนประกอบหลายชิ้นที่ผลิตจากวัสดุที่เป็นยางและพลาสติก ซึ่งส่วนประกอบเหล่านี้แหละที่มีโอกาสแตก หัก พัง หรือเสื่อมสภาพได้ง่ายในช่วงที่อากาศร้อนจัด
การดูแลรถยนต์ช่วงหน้าร้อนจึงต้องเอาใจใส่ชิ้นส่วนเหล่านี้มากเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นที่ปัดน้ำฝน หรือยางบริเวณขอบหน้าต่างและประตู ควรทดสอบด้วยการเปิด-ปิด และใช้งานอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ
ปิดประตูรถทุกบานให้สนิท รวมถึงฝากระโปรง
ก่อนสตาร์ทรถทุกครั้ง ตรวจสอบให้ดีว่าเราปิดประตูหน้า ประตูหลัง รวมถึงกระโปรงรถทั้งหน้าและหลังแล้วหรือยัง เพราะหากปิดไม่สนิทไฟในรถจะขึ้นสถานะแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นไฟประตูหรือไฟเพดาน หากปล่อยให้ไฟสถานะเปิดค้างไว้นานๆ อาจทำให้ความร้อนสะสมจนเกิดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกไหม้ได้
ติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์สำหรับหน้าร้อนโดยเฉพาะ
ฟิล์มกรองแสงที่ขายอยู่ในท้องถลาดบ้านเราปัจจุบันมีคุณสมบัติให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของผู้ใช้รถ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการกรองแสงแดด กรองรังสียูวี ช่วยสะท้อนแสง หรือแม้แต่ช่วยลดความร้อน
ส่วนการเลือกฟิล์มกรองแสงให้เหมาะกับหน้าร้อนนั้นควรเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติกรองรังสียูวีได้ตั้งแต่ 60% ขึ้นไป เพื่อสุขภาพที่ดีของคนขับอย่างเรา แถมยังช่วยลดการเสื่อมสภาพของห้องโดยสาร และช่วยลดความร้อนได้ดีค่ะ
สังเกตอาการเครื่องยนต์ระหว่างขับขี่
ขณะเราขับขี่ก็สามารถสังเกตอาการเครื่องยนต์ได้ หากเครื่องยนต์ร้อนจัด เข็มแสดงอุณหภูมิซึ่งตามปกติจะอยู่ที่เกจประมาณตัว C และ H หรือ 85–90 องศาเซลเซียส จะวิ่งไปแตะใกล้ตัว H (High) เพื่อแสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิร้อนจัด
หากเมื่อไหร่ก็ตามที่สังเกตเข็มอุณหภูมิไปแตะที่ตำแหน่งดังกล่าว ควรรีบจอดรถเพื่อพักเครื่องยนต์ทันที จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้าเพื่อระบายความร้อนและรอจนกว่าอุณหภูมิจะลดลง แต่ห้ามราดน้ำลงไปบนเครื่องยนต์เด็ดขาดเลยนะ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายค่ะ
เปิดแอร์ในระดับที่พอดี อย่าเร่งแอร์สู้ความร้อน
หลังจากสตาร์ทรถ อย่าเพิ่งเปิดแอร์ทันที แต่ควรลดกระจกเพื่อระบายความร้อนก่อน จากนั้นจึงค่อยเปิดแอร์ในระดับปกติ แอร์จะค่อยๆ เย็นขึ้นโดยไม่ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป และช่วยถนอมคอมเพรสเซอร์ไม่ให้ทำงานหนักได้
การเร่งแอร์จนระดับสูงสุดเพื่อสู้อากาศร้อนนอกจากจะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักแล้วยังเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุอีกด้วย
หลีกเลี่ยงถนนร้อนจัดและการขับรถระยะยาวไม่หยุดพัก
ส่วนมากปัญหาข้อนี้มักเกิดขึ้นเมื่อต้องขับรถทางไกล หลายคนอาจขับเพลินจนลืมคิดไปว่าช่วงหน้าร้อนนั้นมีอุณหภูมิสูง การขับรถบนถนนหลวงที่มักจะเป็นถนน 4 เลนหรือ 8 เลน ส่งผลให้เครื่องยนต์ร้อนเร็วกว่า ทางที่ดีอย่าลืมเช็คสภาพรถตามที่เราแนะนำและหยุดพักทุกระยะ 200-300 กิโลเมตรจะดีที่สุด